(ครูว์, สหราชอาณาจักร และ มอนเทอเรย์, แคลิฟอร์เนีย, 21 สิงหาคม 2565) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว The Bentley Mulliner Batur (เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์) อัครยนตรกรรมแกรนด์ทัวริ่งแบบ 2 ประตูสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ทรงสมรรถนะที่สุดด้วยเครื่องยนต์รุ่น W12 จาก เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ ผลิตเพียง 18 คันในโลกเท่านั้น พร้อมผลิกโฉมการออกแบบอัครยนตรกรรมไฟฟ้าของเบนท์ลีย์ในอนาคต
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ รังสรรค์ขึ้นโดยผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ Andreas Mindt และ ทีมงานของเขา ซึ่งถือเป็นดีเอ็นเอใหม่ของการออกแบบที่จะเป็นแนวทางในการพัฒนาการออกแบบอัครยนตรกรรมไฟฟ้า (BEV) ของเบนท์ลีย์ในอนาคต
บาตูร์ ทั้ง 18 คัน เป็นโครงการล่าสุดจาก Bentley Mulliner (เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์) ซึ่งเป็นแผนกผลิตตัวถังรถยนต์และออกแบบเฉพาะตัวของเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส หลังจาก Bacalar (บาคาลาร์) อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ จำนวน 12 คัน ที่ออกแบบและประกอบขึ้นด้วยมือ โดย เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ ได้รับการตั้งชื่อตามแหล่งน้ำธรรมชาติอันสวยงามที่มีชื่อว่า ทะเลสาบบาตูร์ ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่มีความลึกกว่า 88 เมตร และมีพื้นที่กว่า 16 ตารางกิโลเมตร ในคินตามณีบนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และเป็นแหล่งน้ำที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำหรับทั้งบ่อน้ำพุร้อนและการทำเกษตรกรรมในท้องถิ่น
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ ถือเป็นอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่ทรงสมรรถนะที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยพละกำลังมากกว่า 740 แรงม้าจากเครื่องยนต์รุ่น W12 ทวินเทอร์โบชาร์จ ความจุขนาด 6.0 ลิตรที่ประกอบขึ้นด้วยมือ ตอกย้ำความสำเร็จของเบนท์ลีย์อย่างแท้จริงในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยในขณะที่เครื่องยนต์สันดาปกำลังเข้าสู่ช่วงลดบทบาทลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการเปลี่ยนแปลงของกลยุทธ์ ‘Beyond100’ ในการเปลี่ยนผ่านสู่ผู้ผลิตอัครยนตรกรรมไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ บาตูร์ จึงถือเป็นการเฉลิมฉลองสมรรถนะ แรงบิด และการพัฒนาของเครื่องยนต์รุ่น W12 โดยสมรรถนะของเครื่องยนต์จะถูกทำให้เข้ากับแชสซีส์ด้วยระบบกันสะเทือนแบบถุงลมที่ปรับความเร็วรอบ ระบบควบคุมการทรงตัวแบบแอ็คทีฟควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เทคโนโลยี eLSD ระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อ และ เวกเตอร์แรงบิด
บาตูร์ ทั้งหมด 18 คันได้ถูกจับจองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแต่ละคันจะได้รับการออกแบบร่วมกับลูกค้าในแบบเฉพาะตัว ภายใต้การแนะนำจากทีมออกแบบภายในของมูลินเนอร์ ลูกค้าจะสามารถระบุสีและพื้นผิวของตัวรถได้อย่างที่ต้องการเพื่อการรังสรรค์อัครยนตรกรรมให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุด โดยการรังสรรค์อัครยนตรกรรมแต่ละคันจะใช้เวลาหลายเดือนผ่านงานฝืมือในเวิร์กช็อปของมูลินเนอร์ ณ โรงงานของเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ คาดว่าจะมีการส่งมอบครั้งแรกในช่วงกลางปี 2566
โดย เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ ได้เปิดตัวที่ Bentley’s Signature Party ณ งาน Monterey Car Week พร้อมกับแขกวีไอพีกว่าเกือบ 500 คน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่าน
ทฤษฎีใหม่แห่งการออกแบบ
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ ออกแบบโดย Andreas Mindt ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส และ ทีมงานของเขา ซึ่งรวมถึงหัวหน้าฝ่ายออกแบบภายนอก Tobias Suehlmann และ หัวหน้าฝ่ายออกแบบภายใน Andrew Hart-Barron โดย ดีเอ็นเอการออกแบบของเบนท์ลีย์ที่ขับเคลื่อนการรังสรรค์อัครยนตรกรรม Continental GT, Flying Spur และ Bentayga ได้ผลิกโฉมการออกแบบ เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ ด้วยการนำเสนอรูปแบบ วิธีการ และ รายละเอียดใหม่ๆ สำหรับทฤษฎีใหม่แห่งการออกแบบได้กำหนดนิยามใหม่ให้กับการออกแบบอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการเปลี่ยนแปลงของกลยุทธ์ Beyond100 เพื่อการก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมชั้นนำอย่างยั่งยืนของโลก
บาตูร์ ได้เผยหลักการการออกแบบที่ขับเคลื่อนการพัฒนาอัครยนตรกรรมไฟฟ้าคันแรกของเบนท์ลีย์ ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2568 พร้อมกับรุ่นอื่นๆ ในอนาคต
สุดยอดโครงการจากมูลินเนอร์
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ คือ โครงการมูลินเนอร์ล่าสุดหลังจากที่ประสบความสำเร็จกับโครงการของอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้รุ่น บาคาลาร์ จำนวน 12 คัน ซึ่งได้นำมาสู่ผลงานการผลิตตัวถังรถยนต์อันโด่งดังของมูลินเนอร์อีกครั้ง สำหรับ เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ คือ ผู้นำในโครงการการผลิตตัวถังที่ท้าทาย ซึ่งรวมถึงโครงการของบาคาลาร์ และ โบล์เวอร์ ซึ่งเป็นโครงการการผลิตตัวถังรถยนต์ช่วงก่อนสงครามครั้งแรกของโลก โดยทักษะการรังสรรค์ตัวถังที่เริ่มขึ้นใหม่ผ่านทั้ง 2 โครงการจะผสมผสานงานฝีมือจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อส่งมอบ เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ ทั้ง 18 คันที่จะถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยมือทั้งหมดอย่างพิถีพิถัน
ทีมออกแบบภายในของมูลินเนอร์จะได้ร่วมรังสรรค์ เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ ทุกคันกับลูกค้าด้วยการทำงานร่วมกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงผ่านโปรแกรมสร้างภาพจำลอง Mulliner Visualiser ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยในการรังสรรค์สีและพื้นผิว โดยตัวเลือกที่หลากหลายของวัสดุที่เป็นเอกลักษณ์ได้พื้นผิวมาสู่กระบวนการ และ ผลที่ได้จากการออกแบบจะเป็นผลงานในแบบเฉพาะตัวอย่างแท้จริง ซึ่งรังสรรค์จากความต้องการของลูกค้า โดยตั้งแต่เฉดสีมาตรฐานภายนอกไปจนถึงพื้นผิวของช่องระบายอากาศ ลูกค้าแต่ละรายจะสามารถรังสรรค์ในแบบเฉพาะตัวได้ แม้กระทั่งรายละเอียดที่เล็กน้อยที่สุด
จากวัสดุที่ทำด้วยมือและสีสันอันโดดเด่น บาตูร์แต่ละคันจะถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยทีมงานจาก เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ ซึ่งใช้เวลาหลายเดือนในการรังสรรค์อัครยนตรกรรมแต่ละคัน
รายละเอียดภายนอกที่โดดเด่น
บาตูร์มอบตัวเลือกอีกนับไม่ถ้วนสำหรับลูกค้าในการร่วมรังสรรค์บาตูร์แต่ละคัน โดยเริ่มต้นด้วยตัวเลือกเฉดสีที่หลากหลายจากเฉดสีมูลินเนอร์แบบเต็มรูปแบบ และ ตัวเลือกของเฉดสีสั่งทำพิเศษอย่างไม่จำกัด หรือ แม้กระทั่งกราฟิกที่วาดขึ้นด้วยมือ
ชุดแต่ง สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และ ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลัง ถูกแต่งตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งรวมถึง คาร์บอนไฟเบอร์ และ วัสดุคอมโพสิต Natural Fibre แบบใหม่ที่ทนทาน
บาตูร์ มาพร้อมล้อขนาด 22 นิ้วที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีตัวเลือกในแบบมาตรฐานในเฉดสีดำคริสตัลพื้นผิวโทนสว่างและขัดเงา สำหรับตัวเลือกเฉดสีเข้ม คือ การผสมผสานระหว่างหน้าปัดสีเข้มกับซี่ล้อเฉดสีเงินซาติน โดยลูกค้าสามารถเลือกเฉดสีล้อให้เข้ากับเฉดสีตัวถังด้วยเทคนิคการเล่นสีตัดกันหรือไม่ก็ได้
ห้องโดยสารแห่งการออกแบบที่งดงามและยั่งยืน
ภายในห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่งของบาตูร์ได้รับการออกแบบในแบบเฉพาะตัวขั้นสุดและสำหรับการเดินทางระยะไกลแบบแกรนด์ทัวริ่ง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จจากการออกแบบและการตกแต่งภายในของอัครยนตรกรรมรุ่น บาคาลาร์ โดย บาตูร์รังสรรค์ขึ้นจากองค์ประกอบหลักของการออกแบบห้องโดยสารของอัครยนตรกรรมรุ่น บาคาลาร์ และ เพิ่มคุณสมบัติด้านหรูหราที่ยั่งยืนเข้าไป
ทุกองค์ประกอบภายในห้องโดยสารได้รับการปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า โดย ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุภายในที่ยั่งยืนได้อย่างหลากหลาย อาทิ
- หนังแท้ที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตแบบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำจากประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งสามารถหาได้ง่ายกว่าหนังที่มาจากนอกสหราชอาณาจักร
- หนังฟอกแบบยั่งยืนจากประเทศอิตาลีที่มีให้เลือกสรรกว่า 5 เฉดสี
- Dinamica วัสดุทดแทนหนังแท้ ลักษณะคล้ายหนังกลับ
นอกเหนือจากแผงไม้วีเนียร์บริเวณคอลโซล แผงหน้าปัดด้านผู้โดยสารยังรังสรรค์ด้วยการสลักลายเส้นเสียงของเครื่องยนต์รุ่น W12 อันเป็นเอกลักษณ์ และ ยังสามารถเลือกการแกะสลักในแบบเฉพาะตัวได้อีกด้วย
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ยั่งยืน คือ พรมภายในห้องโดยสาร ซึ่งเข้าคู่กับหนังและการทำจากเส้นด้ายรีไซเคิล ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับเบนท์ลีย์
ลูกค้าสามารถเลือกระหว่างการคุมโทนสีสว่างหรือโทนสีเข้มให้เข้ากับชุดแต่งโทนสว่างภายในและตัวเลือกแบบไทเทเนียม โดยปุ่มควบคุมระบบแอร์สามารถเลือกตกแต่งด้วยทองคำ 18K พิมพ์ 3 มิติ
เครื่องยนต์ W12 อันทรงพลัง
เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดที่ยังคงใช้กับอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ เครื่องยนต์รุ่น W12 ขนาด 6.0 ลิตรที่เปิดตัวมาพร้อมกับอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้รุ่น คอนติเนนทัล จีที ในปี 2545 ผ่านการพัฒนาอย่างเข้มข้นสู่การเป็นเครื่องยนต์ 12 สูบที่ล้ำสมัยที่สุดของโลก ซึ่งผลิตขึ้นด้วยมือ ณ โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ
บาตูร์ ได้รับการอัปเกรดเทอร์โบชาร์จเจอร์และอินเตอร์คูลเลอร์ใหม่ที่มอบพละกำลังมากกว่า 740 แรงม้า แรงบิดกว่า 1,000 นิวตันเมตร ให้ประสิทธิภาพการขับขี่อันยอดเยี่ยม การพัฒนาเครื่องยนต์นี้ถือเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จกว่า 20 ปี โดยในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีการปรับปรุงให้ผลิตพละกำลังเพิ่มขึ้นเกือบ 40% ในขณะที่ยังมอบประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นกว่า 25% สำหรับ เบนท์ลีย์ มูลินเนอร์ บาตูร์ มาพร้อมเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด และ ท่อไอเสียแบบสปอร์ตเพื่อให้เสียงท่อที่เข้ากับสมรรถนะ โดยโครงสร้างท่อไอเสียทั้งหมดผลิตจากไททาเนียม พิมพ์ตกแต่งแบบ 3 มิติ เป็นครั้งแรกของเบนท์ลีย์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V
เกี่ยวกับเบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด
เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าเบนท์ลีย์ทุกท่านและรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคัน ด้วยทีมวิศวกรที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงนานกว่า 35 ปี โดย เอเอเอสฯ ได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อจัดส่งวิศวกรไปฝึกอบรมที่โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประเทศอังกฤษ ทุกปี ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ (AAS Looking After YOU And Your CAR)” และให้ชื่อ AAS เป็น “The Name You Can Trust” มานานกว่า 35 ปี